ยังควรใช้ WordPress ทำเว็บในปี 2026 อยู่ไหม หรือถึงเวลาย้ายไปใช้ Next.js 16 แล้ว

Table of Contents

ถ้าคุยเรื่องทำเว็บกับคนรอบตัวสักห้าคน คุณจะได้ยินสองเสียงที่ต่างกันชัดเจน

  • ฝั่งสายมาร์เก็ตติ้งจะบอกประมาณว่า ใช้ WordPress สิ เว็บส่วนใหญ่ก็ใช้กัน

  • ฝั่งสายเทคนิคจะบอก ใช้ Next.js เถอะ โดยเฉพาะตอนนี้มี Next.js 16 แล้ว

แปลว่าอะไร แปลว่าคุณกำลังต้องเลือกระหว่างของที่คุ้นเคย อย่าง WordPress กับของที่ดูทันสมัยกว่า อย่าง Next.js 16 ซึ่งฟังดูเท่ แต่ก็ดูน่ากังวลนิดหน่อย

บทความนี้ยังใช้คำว่า WordPress อยู่ในหัวข้อ เพราะคนส่วนใหญ่ยังเสิร์ชด้วยคำนี้ใน Google แต่เนื้อหาข้างในจะพูดตรงๆ ว่า สำหรับโปรเจกต์เว็บจริงจังในปี 2026
สแต็กที่ใช้ Next.js 16 มักจะเป็นทางเลือกระยะยาวที่ดีกว่าการใช้ WordPress แบบเดิมล้วนๆ

ลองมาดูกันแบบภาษาคนธรรมดา ไม่ใช่ภาษานักพัฒนา

1. สำหรับเจ้าของกิจการและผู้จัดการที่ไม่มีเวลาอ่านยาว

ถ้าอยากได้คำตอบเร็วๆ ก่อน

  • WordPress ยังใหญ่และสำคัญอยู่มาก ยังใช้ทำเว็บประมาณ 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ของทั้งอินเทอร์เน็ต และกินส่วนแบ่งตลาด CMS ส่วนใหญ่

  • สำหรับเว็บเนื้อหาไม่ซับซ้อน งบจำกัด ไม่มีทีม dev ประจำ WordPress ยังโอเคอยู่

  • แต่ในปี 2026 ถ้าคุณให้ความสำคัญกับ ความเร็วเว็บ Core Web Vitals UX แบบแอป ความยืดหยุ่น และการเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ
    สแต็กที่ใช้ Next.js 16 เป็นตัว frontend แล้วมี headless CMS ข้างหลัง (ซึ่งจะเป็น WordPress แบบ headless ก็ได้) จะตอบโจทย์มากกว่า

ดังนั้น

คำถามจริงๆ ไม่ใช่แค่ว่า  จะใช้ WordPress หรือ Next.js ดี  แต่คือ  เราจะอยู่กับเว็บแบบ CMS ดั้งเดิมต่อไป หรือขยับไปใช้เว็บแบบ app style ที่ใช้ Next.js 16 เป็นหลักดี

เราจะอยู่กับเว็บแบบ CMS ดั้งเดิมต่อไป หรือขยับไปใช้เว็บแบบ app style ที่ใช้ Next.js 16

2. ทำไมคำถามนี้สำคัญกว่าที่เคยในปี 2026

เมื่อสิบปีก่อน เว็บบริษัทส่วนใหญ่มีแค่

  • หน้าแนะนำบริษัท

  • หน้าเล่าบริการ

  • บล็อกกับฟอร์มติดต่อ

WordPress เลยครองตลาดแทบจะขาดลอย และวันนี้ก็ยังครองอยู่

แต่โลกเว็บในปี 2026 เปลี่ยนไปแล้ว

  • Google เข้มเรื่อง ความเร็วเว็บและ Core Web Vitals มากขึ้น

  • คนใช้งานคาดหวังเว็บที่รู้สึกเหมือนแอป ไม่ใช่แค่เว็บตัวหนังสือ

  • เว็บต้องเชื่อมกับ CRM ระบบจอง ระบบสมาชิก ระบบชำระเงิน ระบบ AI และอื่นๆ

  • หลายธุรกิจอยากได้ tech stack เดียวที่ทำได้ทั้ง เว็บไซต์และ web app ไม่อยากแยกสองระบบ

พื้นที่ตรงนี้เองที่ Next.js โตขึ้นมาแรงมาก

3. WordPress ยังเก่งเรื่องอะไรบ้าง

3.1. ใช้งานคุ้นมือ หาคนทำง่าย

  • มีฟรีแลนซ์และเอเจนซี่สาย WordPress เยอะมาก
  • ทีมมาร์เก็ตติ้งคุ้นกับหน้าหลังบ้านและปลั๊กอินมานาน
  • ถ้าเป็นเว็บบริษัททั่วไปหรือเว็บบล็อก เปิดเว็บให้ใช้งานจริงได้เร็ว

3.2.  ระบบธีมและปลั๊กอินมีเยอะมาก

  • มีธีมให้เลือกเป็นหมื่น
  • ปลั๊กอินก็มีหลายหมื่น ช่วยเรื่อง SEO ฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ สมาชิก และอีกเยอะ

ถ้าไม่อยากเขียนโค้ดเอง ทุกอย่างใช้ปลั๊กอินแทบจะทำได้หมด

3.3. เพียงพอมากถ้าเว็บไม่ได้ซับซ้อน

ถ้าเว็บของคุณมีแค่

  • หน้าเนื้อหา 10 ถึง 30 หน้า
  • บล็อกสักหน่อย
  • ฟอร์มติดต่อ

ไม่เน้นลูกเล่น ไม่เน้นระบบซับซ้อน WordPress ที่ทำดีๆ สักเว็บหนึ่งก็เพียงพอ

 

Affordable WordPress Developments by digitalbkk

4. จุดที่ WordPress เริ่มเป็นภาระในปี 2026

ปัญหาจะเริ่มชัดเมื่อคุณพยายามใช้ WordPress ทำในสิ่งที่มันไม่ถนัน

4.1. เรื่องความเร็วและ Core Web Vitals

จริงๆ ปรับ WordPress ให้เร็วก็ทำได้ แต่ในโลกความจริง

  • ธีมสำเร็จรูปและ page builder มักจะใส่โค้ดมาเยอะ ทำเว็บอืด
  • ปลั๊กอินเยอะเกินไป ทำให้โหลดช้าและ debug ยาก
  • UX แบบใหม่ๆ ที่ต้อง interaction เยอะๆ ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติใน WordPress

Google เองก็ยิ่งให้ความสำคัญกับความเร็วและ UX มากขึ้น ถ้าเว็บช้า คะแนน SEO ก็สะเทือนตาม

4.2.  ความซับซ้อนสะสม

เวลาอยากได้ฟีเจอร์เพิ่ม เรามักจะลงปลั๊กอินเพิ่มไปเรื่อยๆ

  • ปลั๊กอินเริ่มชนกัน

  • อัปเดตแล้วเว็บพัง
  • ความปลอดภัยเริ่มน่าห่วง
  • ระบบเริ่มกลายเป็นกล่องดำ ไม่มีใครรู้จริงๆ ว่าอะไรกำลังทำงานอยู่

ถึงจุดหนึ่ง คุณอาจต้องยอมรับว่า สิ่งที่อยากได้มันคือ web application มากกว่าเว็บเนื้อหาธรรมดา

4.3.  การเชื่อมกับระบบใหม่ๆ และ AI

หลายบริษัทในปี 2026 อยากให้เว็บทำได้มากกว่ารับ lead

  • ต่อกับ CRM
  • ต่อกับ data pipeline
  • ต่อกับ AI agent
  • มี API ใช้เองภายใน
  • ทำงานร่วมกับระบบอื่นของบริษัท

WordPress ก็เชื่อมได้ แต่ไม่ใช่พื้นฐานที่ดีที่สุดถ้าจะลงลึกไปในโลกนี้จริงๆ

นี่คือจุดที่ Next.js 16 เริ่มน่าสนใจ

5. Next.js 16 คืออะไร แบบภาษาคนทั่วไป

Next.js คือ framework ตัวหนึ่งที่ใช้ React ทำเว็บและ web app ช่วยจัดการเรื่อง

  • ระบบ route หรือเส้นทางของหน้าเว็บ
  • การเรนเดอร์ทั้งฝั่ง server และฝั่ง client
  • การดึงข้อมูล
  • การ build ไฟล์ให้พร้อม deploy
  • เวอร์ชัน 16 ที่ออกช่วงปลายปี 2025 ไม่ใช่แค่อัปเลขเวอร์ชันนิดหน่อย แต่ปรับหลายส่วนให้เหมาะกับเว็บยุคใหม่มากขึ้น

 

จุดเด่นหลักๆ ของ Next.js 16 

  1. ใช้ Turbopack เป็น bundler หลัก build project ไวขึ้น dev refresh เร็วขึ้น งานใหญ่ๆ ไม่ต้องรอนานเหมือนเดิม
  2. มีแนวคิด Cache Components แบบชัดเจน นักพัฒนาบอก framework ได้เลยว่าส่วนไหนควรถูก cache และ cache นานแค่ไหน ทำให้ควบคุม performance ได้ง่าย
  3. รองรับ React Compiler ช่วยตัดการ render ที่ไม่จำเป็น ทำให้เว็บลื่นขึ้นโดยที่ dev ไม่ต้องมานั่ง optimize ทุกจุดเอง
  4. เครื่องมือ dev และการ debug ดีขึ้นมาก ง่ายต่อการดูว่าอะไรช้า อะไรพัง และเชื่อมกับเครื่องมือสมัยใหม่ รวมถึง AI dev assistant ได้ดี

พูดง่ายๆ คือ Next.js 16 ทำให้การสร้างเว็บแบบแอปที่เร็วและดูแลยาวๆ ง่ายขึ้นกว่าที่เคย

6. WordPress vs Next.js 16 คิดยังไงให้เข้าใจง่ายในปี 2026

มุมมองเรื่องเนื้อหาและ CMS

  • WordPress  เป็นทั้ง CMS และ frontend ในตัวเดียว หลังบ้านเขียน content หน้าเว็บก็ให้ WordPress แสดงผลเลย
  • Next.js 16 ไม่มี CMS ในตัว ต้องจับคู่กับ headless CMS อย่าง headless WordPress, Sanity, Contentful, Strapi ฯลฯ
    ฝั่งคนเขียน content ใช้ CMS ตามปกติ ฝั่ง dev ใช้ Next.js 16 ทำหน้าบ้านให้สวย เร็ว และยืดหยุ่น

มุมมองเรื่อง performance และ Core Web Vitals

  • WordPress ทำให้เร็วได้ แต่ต้องคุมธีม ปลั๊กอิน และโค้ดให้ดีมากๆ
  • Next.js 16 ถูกออกแบบมาให้เร็วตั้งแต่พื้นฐาน ทั้งเรื่อง React Server Components การ stream เนื้อหา การ cache ฯลฯ

 

ถ้าเว็บแข่งกันที่ความเร็ว load และประสบการณ์ผู้ใช้ นี่เป็นข้อได้เปรียบใหญ่ของ Next.js

มุมมองเรื่องความยืดหยุ่นและการเชื่อมระบบ

  • WordPress เน้นติดตั้งปลั๊กอินหรือเขียน PHP เพื่อเชื่อมต่อระบบ
  • Next.js เชื่อมทุกอย่างผ่าน API และ SDK ด้วย JavaScript ซึ่งเข้ากันดีกับระบบสมัยใหม่และ microservice ต่างๆ

 

ถ้าคุณรู้ล่วงหน้าว่าเว็บต้องไปเชื่อมกับหลายระบบในอนาคต Next.js 16 จะยืดหยุ่นกว่า

มุมมองเรื่องคนและอนาคตของทีม

  • คนทำ WordPress ยังมีอีกเยอะไปอีกนาน แต่ dev ที่เก่งๆ มักใช้ React และ Next.js กัน
  • ถ้าอยากให้เว็บโตไปเป็น product หรือ platform ในอนาคต การวางสแต็กบน Next.js ตั้งแต่แรกจะง่ายกว่า

ยกระดับเว็บไซต์ธุรกิจ: Next.js + WordPress Headless คือ 'ทางสายกลาง' ที่สุดปัง

สำหรับหลายธุรกิจในไทยและอาเซียน ทางเลือกกลางๆ ที่เวิร์กมากคือ

  • ใช้ WordPress แค่เป็น CMS เก็บเนื้อหา ไม่ให้มันเรนเดอร์หน้าบ้าน
  • ทำ API ให้ Next.js 16 ดึงข้อมูลจาก WordPress
  • หน้าบ้านที่ลูกค้าเห็นทั้งหมดใช้ Next.js 16 แสดงผล

 

ผลลัพธ์คือ

  • ทีมคอนเทนต์ยังใช้ WordPress หลังบ้านอย่างที่คุ้นเคย
  • ได้ frontend ที่เร็ว ทันสมัย และตั้งค่า performance ได้เต็มที่
  • แยกเรื่องความปลอดภัยของ admin ออกจากหน้าบ้านได้ชัดเจน
  • อนาคตอยากเชื่อมกับระบบอื่นก็ใช้ API ต่อออกไปได้เลย

รูปแบบนี้เริ่มเห็นเยอะขึ้น เพราะมันเอาข้อดีของทั้งสองอย่างมารวมกัน

7. เลือก Tech Stack อย่างไรดี? Next.js vs. WordPress (Headless)

การตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีสำหรับเว็บไซต์ยุคใหม่ไม่ใช่แค่การเลือก “WordPress” หรือ “Next.js” อีกต่อไป แต่เป็นการพิจารณาว่า ควรใช้ WordPress เป็นแค่ที่เก็บเนื้อหา (Headless CMS) แล้วให้ Next.js 16 เป็นพระเอกฝั่งหน้าบ้านหรือไม่

ใช้กรอบคิดง่ายๆ ด้วยการถามคำถามชุดนี้กับตัวเองและทีม เพื่อหาโซลูชันที่ลงตัวกับเป้าหมายและทรัพยากรของคุณที่สุด!

เลือก WordPress แบบดั้งเดิม (Monolithic) ถ้า...

การใช้ WordPress ในรูปแบบเดิมที่จัดการทั้งหลังบ้านและหน้าบ้าน (Monolithic) ยังคงเป็นตัวเลือกที่ รวดเร็วและคุ้มค่า หากคุณมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้:

🎯 เป้าหมายและงบประมาณ 

เว็บคือเว็บแนะนำบริษัท, บริการ, ข้อมูลพื้นฐาน ที่ไม่ได้เป็นระบบซับซ้อนใหญ่โต 

งบมีจำกัด แต่อยากได้เว็บดีๆ ที่ใช้งานได้จริงและไม่ต้องลงทุนสูงมาก 

🛠️ ความต้องการทางเทคนิค 

ไม่ต้องการฟีเจอร์แบบ Web App หรือ Portal ที่ซับซ้อน 

ทีมไม่มี Dev ประจำ แต่อาจมีคนที่เคยแตะ WordPress มาบ้างและสามารถดูแลได้เอง

 

ข้อสรุป: เหมาะสำหรับ เว็บไซต์เริ่มต้น SME ที่เน้นความง่าย ความเร็วในการสร้าง และความคุ้มค่าด้านงบประมาณ

เลือก Next.js 16 Stack (อาจใช้คู่กับ Headless WordPress) ถ้า...

การลงทุนในสแต็กที่ใช้ Next.js 16 เป็น Frontend (แยกส่วน) คือก้าวสำคัญหากเว็บไซต์ของคุณเป็น ศูนย์กลางธุรกิจ และต้องการการขยายตัวในอนาคต:

💰 ผลกระทบทางธุรกิจ

เว็บของคุณมีผลกับรายได้ หรือเป็นช่องทางหลักในการปิดการขาย (Conversion)

มีแผนพัฒนาไปเป็น Portal หรือ Platform ในอนาคต 

ต้องการ Tech Stack ที่ Dev รุ่นใหม่อยากทำงานด้วย เพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพ

🚀 ประสิทธิภาพและการขยายตัว 

อยากได้เว็บที่เร็วมาก, คะแนน Core Web Vitals ดีเยี่ยม, และ UX ลื่นไหล

ต้องการเชื่อมต่อกับระบบภายนอก เช่น CRM, ระบบจอง, ระบบสมาชิก, และ AI ผ่าน API

สำหรับบริษัทที่จริงจัง และแข่งขันในตลาดหลัก เช่น กรุงเทพ, สิงคโปร์, กัวลาลัมเปอร์, ดูไบ ฯลฯ

ข้อสรุป: เหมาะสำหรับ องค์กรขนาดกลางถึงใหญ่ ที่เน้น Performance, SEO, และ ความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อ (Scalability) เพื่อการเติบโตในระยะยาว

8. WordPress ทำเว็บในปี 2026 ได้ไหม

คำตอบคือ ใช้ได้ แต่ต้องรู้ว่าคุณต้องการอะไรจากเว็บ

  1. ถ้าเว็บเป็นแค่หน้าแนะนำธุรกิจ เนื้อหาไม่ซับซ้อน งบมีจำกัด
    WordPress ที่ออกแบบและดูแลดีๆ ยังเป็นตัวเลือกที่โอเค

  2. แต่ถ้า……

    • เว็บสำคัญกับยอดขายและภาพลักษณ์
    • อยากได้เว็บเร็ว UX ดี และขยายได้อีกในอนาคต
    • มีแผนเชื่อมกับระบบอื่น หรือจะต่อยอดไปเป็น platform

ในมุมมองระยะยาว ก็ถึงเวลาที่ควรมองจริงจังว่า ควรให้ Next.js 16 เป็นตัวหลักฝั่ง frontend แล้วใช้ WordPress เป็น headless CMS หรือเปลี่ยนไปใช้ headless ตัวอื่น…

ถ้าคุณกำลังคิดอยู่ว่าควรทำเว็บบริษัทหรือเว็บโปรเจกต์ใหม่ ด้วย WordPress แบบเดิม หรือย้ายไปใช้สแต็กแบบ Next.js 16 แล้วใช้ WordPress แค่เป็น headless CMS

ถ้าคุณกำลังมองหาวิธีวางสแต็กเว็บให้เหมาะกับปี 2026 แบบนี้ สามารถติดต่อทีมเราได้ที่ LINE ID @digitalbkk หรือคุยผ่าน live chat ที่ digitalbkk.com หรืออีเมล info@digitalbkk.com

เราช่วยดูเว็บที่มีอยู่ เป้าหมาย งบประมาณ แล้วแนะนำเส้นทางที่เหมาะ ไม่ว่าจะเป็น

  • ปรับ WordPress เดิมให้ดีขึ้น
  • ทำ headless WordPress + Next.js 16
  • หรือสร้างเว็บใหม่ด้วยสแต็ก modern ที่พร้อมโตไปกับธุรกิจของคุณ

New project? Old problem? Either way, let’s figure it out together.

Related Articles

ถ้าคุยเรื่องทำเว็บกับคนรอบตัวสักห้าคน คุณจะได้ยินสองเสียงที่ต่างกันชัดเจน ฝั่งสายมาร์เก็ตติ้งจะบอกประมาณว่า ใช้ WordPress สิ

อินไซต์ผู้ใช้ปี 2025 ชี้ชัดว่า คนไม่ได้ต้องการแอปที่ทำได้ทุกอย่าง แต่ต้องการแอปที่เร็ว ใช้ง่าย

Stay Updated with Our Latest Insights

Subscribe to our newsletter and never miss our latest SEO tips, WordPress guides, and digital marketing strategies.